REVIEW : สกินแคร์ปราบสิวราคานักศึกษา กู้หน้าพังให้กลับมาปัง!






สวัสดีค่า พลอยนะคะ วันนี้ได้ฤกษ์มารีวิวสกินแคร์กู้หน้าสิวๆให้กลับมาใสๆค่ะ 
ก่อนอื่นขอเท้าความก่อนว่า เมื่อประมาณสองปีที่แล้วได้รักษาสิวที่คลินิกแห่งหนึ่ง
หน้าก็ใสเวอร์ หมดไปหลายพันอยู่เหมือนกัน แต่พอเรียนหนัก ไม่ได้ไปหลายเดือน
สิวก็บุกสิคะ สิวอุดตันขึ้นตามหน้าแก้ม เวลาโดนแสงนี่เห็นเลยว่าหน้าไม่เนียน
ก็เลยเริ่มทำการรักษาด้วยตัวเองดีกว่า เปิดกระทู้นู่นนี่นั่น ลองผิดลองถูกมาพอสมควร
จนสุดท้ายก็มาจบตายรังที่สกินแคร์ด้านล่างดังต่อไปนี้ค่าาา

>> ปล.เราเป็นคนผิวหน้าผสม-มัน รูขุมขนกว้าง <<
>> ปล.2 สกินแคร์เหล่านี้อาจให้ผลลัพธ์ไม่เหมือนกันในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวนะคะ <<



ลำดับผลิตภัณฑ์ที่พลอยรีวิวจะตามลำดับที่ใช้ตั้งแต่เริ่มทำความสะอาดหน้าจนตัวสุดท้ายนะคะ
มาเริ่มที่ตัวแรกกันเลย
สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ แม้ว่าเราจะทาแค่กันแดดก็ตาม ก็คือคลีนซิ่งค่ะ






1. Bifesta : Acne Care Cleansing Lotion (390 บาท, รีฟิล 290 บาท)
ตัวนี้ใช้มาหลายปีแล้วค่ะ แล้วก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจเลย
ปกติเป็นคนที่ไม่แต่งหน้าเยอะค่ะ แค่ทากันแดด บีบีครีม แป้งฝุ่น 
ก็ออกบ้านได้แล้ว เพราะฉะนั้นบีเฟสต้าตัวนี้ตัวเดียว เอาอยู่
แต่แม้ว่าเราจะไม่ได้แต่งหน้าหนักก็เถอะ ทำความสะอาดเอาไว้เป็นดีค่ะ เพราะบางทีอาจจะมีน้ำมัน ความสกปรกต่างๆเข้าไปอุดตันในรูขุมขนได้ลักษณะคลีนซิ่งก็จะเป็นน้ำใสใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่แสบ เช็ดแล้วสะอาดกริ๊บ ปกติพลอยใช้คู่กับสำลีของ AIME หรือไม่ก็ของ Watsons ค่ะ  ระวังอย่าถูหน้าแรงๆนะคะ เพราะจะเป็นการทำร้ายผิวหน้าของเรา หน้าจะไม่สตรองค่ะ

ต่อมาเป็นการมาส์กหน้าก่อนล้างหน้าค่ะ






2. Queen Helene : Mint Julep Masque (160-180 บาท)
ตัวนี้เป็นมาส์กมิ้นท์ที่ช่วยลดสิว ทำให้สิวอักเสบแห้งไว
สิวผดก็แห้งหลุดง่าย แต่ไม่ค่อยเห็นผลอะไรเท่าไหร่กับสิวอุดตันนะคะ เป็นมาส์กแบบพอกหน้าค่ะ เนื้อหนืดๆสีเขียว ทาหน้าแล้วรู้สึกเย็นๆ หอมกลิ่นมิ้นท์ ทิ้งไว้ซัก 20-30 นาที จนเนื้อมาส์กแห้ง ก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาดค่ะ จะสังเกตเห็นได้เลยว่า สิวอักเสบแห้งลงไป ประทับใจสุดๆ >.<
ปล.ตัวนี้เราจะมาส์กประมาณอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งนะคะ แต่ถ้าช่วงไหนสิวไม่ขึ้นก็ไม่ค่อยมาส์ก

หลังจากนั้นก็ทาครีมก่อนล้างหน้าค่ะ ปกติเราจะใช้ Benzac ac 5% ผู้โด่งดังที่ทุกคนคงรู้จักดี แต่เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนไปร้านขายยา เภสัชแนะนำครีมอีกตัวที่ใช้ตัวยาเดียวกัน (BP) ความเข้มข้นเท่ากัน แต่แบรนด์นี้เป็นของไทย ราคาเลยถูกกว่า ก็เลยลองซื้อมาดูค่ะ





3. Enzoxid 5 : Anti-acne Gel (90 บาท)
เนื้อครีมของเจ้า Enzoxid นี้เหมือนกับ Benzac ac เลยค่ะ คือแทบเหมือนกันทุกอย่างเลย 555 แต่ราคาจะถูกกว่าประมาณ 30 บาท ในปริมาณที่มากกว่านิดนึงด้วย เจ้าตัวนี้พลอยทาก่อนล้างหน้า 15-30 นาทีค่ะ ไม่ควรเกินครึ่งชั่วโมงค่ะ ไม่งั้นหน้าไหม้นะเออ ฮ่าๆ
ลองมาแล้ว เคยทาแล้วนอนต่อ ลืมตัวค่ะ ตื่นมาอีกทีหน้าแดงเป็นเถือกเลย T.T เนื้อผลิตภัณฑ์จะเป็นเจลสีขาวขุ่น มีกลิ่นแบบยา ทาบริเวณที่มีสิวอุดตันค่ะ ทาไปแล้วก็จะรู้สึกว่าหัวสิวมันอ่อน เหมือนจะไปช่วยละลายหัวสิว ประมาณนั้น ส่วนบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ มันก็จะเข้าไปฆ่าเชื้อ P.Acnes ตัวการที่ทำให้เกิดสิว ถ้าช่วงไหนหน้าใสไม่มีสิว ตัวนี้ก็เก็บเข้ากรุได้เลยจ้า

จากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนการล้างหน้าค่ะ  ที่พลอยใช้หลักๆมีสองตัว คือ Acne-aid กับวิปโฟมของ ดร.สมชาย สลับกันไป แต่ถ้าวันไหนแต่งหน้าหนักๆแล้วกลัวเช็ดหน้าไม่สะอาดก็จะใช้ Biore 2 in 1 makeup remover foam ร่วมด้วยอีกตัวค่ะแต่ก่อนล้างหน้าบางวันพลอยจะสครับหน้าก่อนค่ะ อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง






4. SUPAPORN : Whitening Facial Scrub Cream (31 บาท)
เป็นสครับมะขามค่ะ เนื้อละเอียดดี ไม่รู้สึกบาดหน้าเลย พลอยจะถูๆวนๆสครับหน้าประมาณ 1-2 นาที แล้วก็อาบน้ำ ปล่อยให้เจ้าสครับพอกหน้าไปก่อนเพราะเค้าให้ทิ้งไว้ซักพัก อาบน้ำเสร็จจึงค่อยล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าและผลิตภัณฑ์ล้างหน้าต่อไป ครีมขัดหน้าตัวนี้จะช่วยทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดออก แล้วก็ช่วยให้หน้ากระจ่างใสขึ้นด้วย (น่าจะเพราะวิตามินซีจากมะขาม) จริงๆที่ซองเค้าเขียนว่าใช้ได้ทุกวัน แต่พลอยกลัวหน้าบางเกิน เลยขัดหน้าแค่สองสามวันครั้งค่ะ





5. Acne-Aid : Liquid Cleanser (179-185 บาท)
เป็นผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ช่วยเรื่องสิวได้ดีมากกกกกกกกกก (ก.ไก่ล้านตัว) ก่อนหน้านี้เคยใช้ของเซตาฟิลอยู่พักนึงค่ะ (เป็นปีเหมือนกันนะ) รู้สึกเฉยๆมาก สงสัยมันอ่อนโยนไป ไม่ระคายเคืองหนังหน้าดิฉันเลย T.T ตัวนี้จะเป็นน้ำสีขาวขุ่น มีกลิ่นนิดหน่อย ไม่หอมไม่เหม็น บอกไม่ถูก ถูกับหน้าแล้วไม่ได้เกิดฟองมากมาย ล้างแล้วให้ความรู้สึกสะอาด หน้าไม่แห้ง สิวลดลงมาก ซื้อใช้ต่อเรื่อยๆแน่นอนค่ะ


บางช่วงพลอยก็จะสลับใช้กับเจ้าตัวนี้ แล้วแต่อารมณ์จริงๆ ไม่มีอะไรเจือปน






6. Dr.SOMCHAI : Acne Foaming Cleanser (199 บาท)
เป็นวิปโฟมค่ะ มีหัวปั๊มแบบที่พอกดปุ๊บจะได้วิปโฟมนุ่มๆออกมา
ตอนถูหน้านี่ฟินมาก นุ่มละมุนหน้าเหลือเกินค่ะคุณผู้ชม มีกลิ่นหอม อ่อนๆค่ะ คนแพ้น้ำหอมอาจจะต้องระวัง ความรู้สึกหลังจากล้างก็รู้สึกสะอาดดี แต่หน้าจะแห้งกว่าเจ้าตัว Acne-Aid แต่ก็ไม่ถึงกับเอี๊ยดมาก


หลังจากล้างหน้าเสร็จ เมื่อก่อนพลอยใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กนุ่มๆเช็ดหน้าค่ะ แต่หลังๆมารู้สึก (คิดไปเอง) ว่าผ้าขนหนูมันอาจจะไม่สะอาด อาจจะมีฝุ่นเกาะ บลาๆ พลอยเลยเปลี่ยนมาเช็ดหน้าด้วยกระดาษเช็ดหน้าของ Kleenex ค่ะ คราวนี้แหละ หน้าฉันไม่มีฝุ่นเกาะแน่นอน ฮ่าๆๆๆ เช็ดหน้าเสร็จก็เช็ดด้วยน้ำเกลือค่ะ แทนโทนเนอร์ เพื่อเมคชัวร์กับตัวเองว่าหน้าสะอาดจริงๆ






7. Klean & Kare : Normal Saline (45 บาท)
เป็นน้ำเกลือสารพัดประโยชน์ค่ะ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น เหมือนน้ำเปล่าเลย 5555 ก็บีบใส่สำลี เช็ดทั่วหน้า เพื่อเตรียมใบหน้าสำหรับการลงสกินแคร์ต่อไปค่ะ


ถ้าช่วงไหนที่พลอยมีสิวอุดตันหนักๆ (ซึ่งขอบคุณเหลือเกินที่ช่วงเวลานั้นจากไปนานแล้ว) พลอยจะใช้ Differin Gel ทาบริเวณที่อุดตันค่ะ






8. Differin Gel 0.1% (ประมาณ 400-450 บาท)
เป็นยาช่วยเรื่องสิวอุดตันค่ะ เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นเจลใส มีกลิ่นอ่อนๆ
ต้องทำใจนะคะถ้าใช้ตัวนี้ เพราะมันจะทำให้เจ้าสิวอุดตันเนี่ย แปลงร่างเป็นสิวอักเสบ เพื่อให้กำจัดสิวออกมา กว่าจะผ่านช่วงเวลาที่มันขับเอาสิวอุดตันออกมาจนหมดนี่ ต้องอดทนสุดๆ หน้าเยินมากค่ะช่วงที่ใช้เจ้าตัวนี้ แต่อย่างที่บอก ต้องอดทนค่ะๆๆๆ ถ้าใครคิดว่า Differin Gel มันแรงไป ก็สามารถเลือกใช้ Retin-A แทนได้ค่ะ ตัวยาจะอ่อนกว่า แต่ก็จะเห็นผลช้ากว่าเช่นกัน
การใช้ Differin นี้ ต้องทาเฉพาะตอนกลางคืนค่ะ เพราะไวต่อแสงมาก  อารมณ์แบบ ทาแล้วนอนเลย อย่าเปิดไฟ อย่าเล่นมือถือ เอาให้มืดเลยนะคะคุณผู้ชม อิอิ
ถ้าช่วงที่พลอยทา Differin ก็จะไม่ทาสกินแคร์ตัวอื่นแล้วค่ะ เอาให้สิวหายก่อนค่อยว่ากัน
ปล. ใช้เจ้า Differin นี่จะมีผลข้างเคียงทำให้หน้าลอกนะคะ ผิวจะแห้ง
เพราะฉะนั้นตอนเช้าก็โบกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ให้เต็มที่ค่ะ อย่าให้เสีย


เมื่อหน้าเริ่มกลับมาเรียบเนียน ไร้สิวอุดตันให้กวนใจ เราก็มาเริ่มรักษารอยดำจากสิวกันค่ะ
สกินแคร์ตัวแรกที่พลอยลงจะเป็นเซรั่มค่ะ เห็นมันชื่อ Boosting Serum เลยจัดมันลงก่อนเลย โฮะๆ






9. Oriental Princess : Natural Power C Power Boosting Serum (475 บาท)
เรื่องราคานี่ไม่แน่นอนค่ะ แล้วแต่การจัดโปรของ OP
เนื้อครีมเป็นเซรั่มสีขาวขุ่น ทาลงไปแปปเดียวก็ซึมเข้าหน้าไปเลย มีกลิ่นเปรี้ยวแบบวิตามินซีค่ะ หอมๆ
เจ้าตัวนี้จะช่วยเรื่องช่วยให้หน้ากระจ่างใส ทำให้รอยดำจากสิวจางลงเร็ว ใช้เซรั่มตัวนี้แล้วพลอยรู้สึกว่าสิวไม่ค่อยขึ้นด้วยค่ะ เออ มันเริ่ดจริง หมดไปหลายขวดแล้ว ซื้อต่อแน่นอน ไม่เปลี่ยนใจ

จริงๆหลังจากลงเจ้า OP Serum นี้แล้วพลอยจะใช้ True White EX Essence Lotion ของ Za ตัวนี้ไม่ช่วยเรื่องสิวนะคะ แต่เรื่องรอยดำจากสิวนี่ช่วยได้มาก ใช้ไปหลายเดือนก็รู้สึกหน้าใสขึ้น ตอนนี้ก็ใกล้จะหมดแล้ว ก็คิดอยู่ว่าจะใช้ตัวเดิมหรือเปลี่ยนไปใช้ตัวอื่นดี ฮือออ

จากนั้น บริเวณที่เป็นรอยดำจากสิว พลอยจะใช้เจ้า Vitara AHA ทาเพื่อลดรอยดำค่ะ






10. Vitara : 9% AHA (125-145 บาท)
AHA คือกรด alpha hydroxy acid ค่ะ เป็นกรดจากผลไม้ธรรมชาติ
ช่วยเรื่องการรักษาสิว รอยดำจากสิว ไม่ควรใช้คู่กับ Differin นะคะ เพราะจะทำให้หน้าลอก พลอยใช้ทาแค่บริเวณที่มีรอยสิวนะคะ ไม่อย่างนั้นใช้ไปนานๆหน้าจะบาง พอบางก็แพ้ง่าย ผิวหน้าไม่แข็งแรง ไม่สตรอง

พอปล่อยให้สกินแคร์ที่ทาไปก่อนหน้านี้เริ่มซึมเข้าหน้า พลอยก็จะโบกเจลว่านหางจระเข้ค่ะ






11. SMOOTO : Aloe Vera 99.5% Soothing Gel (49 บาท)
เป็นเจลว่านหางจระเข้ที่ผสมเมือกหอยทาก ช่วยในเรื่องให้ความชุ่มชื้นแก่ใบหน้า และลดรอยจากสิวได้ หรือเวลาที่ไปออกแดดมา แสบหน้า แสบผิว เลเซอร์หน้า เจ้าตัวนี้ช่วยได้จริงๆ
เป็นเจลสารพัดประโยชน์สุดๆ ก่อนนอนพลอยจะชอบโบกทั่วหน้า ยิ่งแช่ตู้เย็นมาเย็นๆยิ่งฟินเลยค่ะ ส่วนตอนเช้าพลอยทาน้อยกว่า แค่ให้หน้าชุ่มชื้นและแต่งหน้าติดก็พอ ตัวนี้มีขายที่ 7-11 นะคะ หมดไปหลายซองแล้ว และจะจงรักภักดีต่อไป อิอิ


ในกรณีที่มีสิวอีกเสบ พลอยจะใช้เจลแต้มสิวของโทเมอิ โบกเฉพาะจุดค่ะ






12. Tomei Clindai Gel (ประมาณ 50 บาท)
เป็นเจลใสๆ ทาแล้วไม่แสบ เนื้อหนืดๆ ก่อนหน้านี้เคยใช้ Clinda M แบบที่เป็นน้ำค่ะ ตัวนั้นทาแล้วแสบหน้าเลยแหละ (สูดปากกกก) แต่ตัวนี้ทาแล้วเฉยๆมาก แต่สิวยุบจริงๆนะเออ!! ทาข้ามคืนไว้ ตื่นมายุบจริงอะไรจริง เค้าให้ทาทุกๆสองสามชั่วโมงค่ะ แต่ถ้าเป็นช่วงเช้าพลอยก็จะทาครั้งเดียวก่อนลงกันแดด แนะนำว่าทุกคนควรมีจริงๆตัวนี้ ซื้อที่ร้านขายยาถูกกว่าค่ะ ลองดู

แล้วก็มีอีกตัว ซื้อมาแบบงงๆ เพราะอยากลองใช้ดู






13. Tomei Anti-acne Cream (ประมาณ 170 บาท)
ซื้อมาแบบงงๆ ปกติใช้คลินได เจลค่ะ แต่อยากลองตัวนี้เพราะเค้าบอกมีประโยชน์ 7 อย่าง พอลองใช้แต้มทั้งบริเวณที่เป็นสิวอักเสบและรอยสิวดู ก็พบว่า มันให้ผลที่ดีกับรอยดำมากกว่า คือรอยดำจางลงเร็วมาก ส่วนถ้าทาสิวอักเสบ พอมันยุบแล้วมันจะทิ้งรอยดำไว้จางมากค่ะ (หลายคนบอกไม่ทิ้งรอย แต่ทำไมอิฉันยังไงก็มีรอยดำทุกที T.T เศร้าใจ)
แล้วนอกจากนั้นเค้ายังบอกว่า มันจะช่วยให้สิวที่เคยขึ้นบริเวณนั้นๆไม่ขึ้นอีก อันนี้ไม่รู้นะ เพราะมันหลอดเล็กมาก และแพง เลยทาเฉพาะจุดที่เป็นจริงๆ 

ถามว่าซื้อต่อไหม ตัวนี้อาจจะไม่ค่ะ แพงแบบไร้เหตุผล (แต่ก็ให้ผลลัพธ์ดีนะคะ)

ก็หมดไปแล้วสำหรับสกินแคร์ดูแลสิว แต่ช้าก่อน ไม่ว่าเราจะมีสิวหรือไม่มี สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ ครีมกันแดดค่ะ พลอยเป็นคนที่ทาครีมกันแดดมาตั้งแต่ช่วงมอปลาย (นานแล้วเหมือนกัน) เพราะรู้สึกว่า ถ้าเราไม่ทา ต่อไปฝ้า กระ มาแน่นอนค่ะ (ดูคุณแม่เป็นตัวอย่าง) เพราะงั้นพลอยจะให้ความสำคัญกับการทาครีมกันแดดมาก แค่ออกไปทิ้งขยะนอกบ้านก็ต้องทา
กันแดดพลอยใช้มาหลายยี่ห้อค่ะ แต่ที่ใช้นานๆเลยก็มี Biore Aqua สีฟ้าๆ เคยใช้ตอนปอตรี แต่ตัวนี้มีแอลกอฮอล์ ใช้ไปได้ซักพักเลยเลิก เพราะรู้สึกรูขุมขนกว้าง
Eucerin ก็ดีแต่ไม่คุมมันเลยยยย สาวหน้ามันต้องร้องไห้
Anessa ของ Shiseido ก็ดีค่ะ แต่มันเหลวไปหน่อยและไม่ค่อยคุมมัน
ตอนนี้กำลังปลื้มใจกับ Nevia รุ่น oil control ดีงามพระรามแปดมาก






14. NIVEA : Sun Protect & White Oil Control (279 บาท)

ตัวนี้ซื้อตอนวัตสันจัดโปรโมชั่นชิ้นที่สอง 1 บาทค่ะ  เคยใช้หลอดเล็กซื้อจาก 7-11 ก็รู้สึกว่ามันคุมมันดี เลยซื้อหลอดใหญ่เลยละกัน เนื้อจะไม่ข้นไม่เหลวค่ะ ทาแล้วซึมเข้าหน้าเลย ชอบมาก ไม่เหนอะหนะ คุมมันดี ประทับใจ  SPF 50+ PA+++ ใช้ทาได้ในชีวิตประจำวันแบบสบายๆค่ะ




หมดแล้วนะคะสำหรับสกินแคร์ที่พลอยใช้ประจำวัน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นแนวทางให้เพื่อนๆได้บ้าง และที่สำคัญที่สุดสำหรับการรักษาสิวคือความอดทนนะคะ อย่าท้อ เดี๋ยวหน้าเราก็กลับมาปังเอง
ขอบคุณค่า

CONVERSATION

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น